โดย คุณพลากร วงศ์กองแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ
เวทีสัมมนาประจำปี พอช.ภาคเหนือ วันที่ ๑๘-๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ ระวิ
วารีรีสอร์ท จ.เชียงใหม่
๑.การทำงานภายใต้สถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม
· พอช.ควรให้ความสำคัญและกำหนดเป็นแผนในการแก้ปัญหาภัยพิบัติ โดยมีแนวทาง คือ การแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน , การแก้ปัญหาระยะยาว โดยการสร้างกลไกเชื่อมโยงขบวนเครือข่ายในการแก้ปัญหาในระดับภูมินิเวศ , สร้างขบวนการจัดการปัญหาโดยคนในพื้นที่ ,ใช้กลไกเชิงวัฒนธรรมในการหนุนช่วย , การสื่อสารสาธารณะ ,วางแผนการจัดการปัญหาที่เชื่อมโยงทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
· กำหนดแผนการฟื้นฟูหลังสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไป ทั้งแผนระยะยาวและแผนความร่วมมือกับเครือข่ายภาคี
· พัฒนากระบวนการทำงานเป็นทิศทางการพัฒนาที่เป็นระบบในทุกมิติ คือ ระยะเร่งด่วน ,ระยะฟื้นฟู,ระยะยาวพัฒนาต่อเนื่อง
๒.บทบาทของเจ้าหน้าที่ พอช.ภายใต้การจัดปรับโครงสร้างใหม่
· บทบาทใหม่ของผู้จัดการภาค :
o มีวิธีคิดที่กว้างกว่าเรื่องของสถาบันฯ ไม่ติดอยู่กับการทำงานเพื่อตอบตัวชี้วัด กพร.เพียงอย่างเดียว แต่มีขบวนการเชื่อมโยงกับภาคีพัฒนาอื่นๆ เช่น สช., สสส.,สปสช. ฯลฯ
· บทบาทใหม่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการชุมชน(ปก.) :
o การเชื่อมร้อยการทำงานกับภาคีประชาสังคมเพื่อสร้างพลังในการทำงาน
o เกาะติดสถานการณ์พื้นที่ สถานการณ์นโยบาย และสถานการณ์การทำงาน
o ขับเคลื่อนงานในบริบทที่ “เล็กแต่ลึก”ยึดพื้นที่เป็นหลัก รู้จักพื้นที่ทั้งหมด ไม่แยกพื้นที่เมืองหรือชนบทแต่ทำงานเชื่อมโยงกัน
o พัฒนาบทบาทการทำงานในเชิงประสานเครือข่ายภาคีให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อเข้ามาหนุนเสริมการทำงานระดับพื้นที่
· บทบาทร่วมในระดับภาค
o สร้างพื้นที่ร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องทำกว้างแต่ทำลึก ให้เป็นพื้นที่กลางในการทำงาน
o “จัดสมดุล”การทำงานระหว่าง พอช.กับขบวนองค์กรชุมชน โดยจะต้องจัดให้มี “เวทีพูดคุยการออกแบบการทำงานร่วมให้เกิดสมดุล”
o “ผสมผสานการทำงานระหว่างพื้นที่เหนือบน และ เหนือล่าง” ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และหนุนช่วยกันอย่างต่อเนื่อง
· บทบาทสำนักงานภาค
o จำเป็นต้องจัดตั้งสำนักงานให้เข้าถึงและใกล้ชิดกับพื้นที่ทำงาน
o ชาวบ้านสามารถเข้าถึงได้ง่าย ประสานงานได้ง่าย
o คำนึงถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
· บทบาททีมสนับสนุนจากส่วนกลาง
o จะต้องทำงานลงพื้นที่และหนุนช่วยเจ้าหน้าที่ภาค เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนงานในจังหวัดกับภาค
o มีบทบาทในการสร้างเครื่องมือใหม่ในการทำงานพัฒนา เช่น สภาองค์กรชุมชน,ระบบข้อมูลชุมชนท้องถิ่น,แผนชุมชน ฯลฯ
o ทำงานเป็นทีมเดียวกับเจ้าหน้าที่ภาคและชาวบ้านในพื้นที่
· แผนในระยะไตรมาสแรกช่วงจัดปรับโครงสร้าง
o การจัดระบบทีม : จะต้องวางระบบการทำงานเป็นทีม ซึ่งทั้งเหนือบนและเหนือล่างจะต้องจัดทีมให้เกิดความชัดเจนและลงตัว
o การทำงานของเจ้าหน้าที่ ต้องเน้นหนักที่จังหวัด สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงระหว่างจังหวัดได้
o ทำงานสนับสนุนองค์กรชุมชนได้อย่างมีทิศทาง มีเป้าหมายที่มากกว่าติดอยู่กับเรื่องตัวชี้วัด กพร.
o การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันฯ เจ้าหน้าที่จะต้องมองให้ทะลุถึงการทำงาน “โครงสร้างเชิงเปลี่ยนแปลง”ไม่ติดอยู่เรื่องการจัดปรับคนทำงาน
๓.ระบบพื้นที่ใหม่
(๑)สร้างระบบทีมในการทำงานร่วมกับจังหวัด
· ทีม ปก.งานพื้นที่ : สร้างขบวนการทำงานลงตรงถึงพื้นที่
· ทีมสำนักงาน : สร้างการทำงานร่วม โดยพัฒนาศักยภาพชาวบ้านให้สามารถบริหารจัดการได้เองในจังหวัด เช่น งานเบิกจ่าย ,งานระบบข้อมูล
(๒)สร้างภาคีในการเปลี่ยนแปลง โดยเชื่อมโยงการทำงานกับภาคีเพื่อหนุนเสริมการสร้างพลัง
(๓)สร้างระบบพื้นที่ยุทธศาสตร์ตามบริบทนิเวศวัฒนธรรม โดยพื้นที่ระดับตำบล จังหวัด และภูมิเวศ จะต้องเชื่อมโยงพื้นที่ทำงานร่วมกันทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เช่น ภูมินิเวศลุ่มน้ำ
๔.การทำงานเชิงปฏิรูป
· ในระดับพื้นที่ เน้นการทำงานภายใต้การเมืองใหม่ จะต้องยกระดับให้เกิดข้อเสนอต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลงชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง โดยมี “พื้นที่กลาง”ในการขับเคลื่อนงานที่เชื่อมโยงคนทุกกลุ่ม ทุกส่วน
· ยกระดับงานประเด็นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม
· ปฏิรูประบบข้อมูล โดยทุกจังหวัดจะต้องมีข้อมูลที่องค์กรชุมชนต้องการใช้และนำไปใช้เพื่อการพัฒนาโดยไม่ยึดติดอยู่กับระบบข้อมูลของ พอช. ทั้งนี้จะต้องนำข้อมูลไปใช้ในการจัดแผนงานพัฒนาของพื้นที่ รวมถึงพัฒนาศักยภาพชาวบ้านให้สามารถบริหารจัดการได้เอง
· งานสำนักงาน จะต้องออกแบบการทำงานร่วมกับพื้นที่ให้เกิดรูปธรรม
· องค์ประกอบการทำงานปฏิรูปใหม่ทั้งพื้นที่เมืองและชนบท : (๑) จะต้องมีงานพื้นที่รูปธรรมที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงสู่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง (๒) มีคนทำงานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ (๓)มีการจัดการระบบข้อมูลที่เท่าทันสถานการณ์และตอบสนองการนำไปใช้ (๔)มีแผนงานที่ตอบยุทธศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองได้อย่างแท้จริง
ข้อเสนอร่วมต่อสำนักสนับสนุนขบวนองค์กรชุมชน
๑. งานบ้านมั่นคง
· ระบบบริหารจัดการ ควรจัดระบบความชัดเจนเรื่อง “คนทำงาน”ทั้งทีมข้อมูล,ทีมเบิกจ่าย ส่วนทีมปฏิบัติการพื้นที่ให้มีทีม ปก.หนุนเสริมการทำงานร่วมกัน โดยที่ประชุมเสนอให้มีการนำไปหารืออีกครั้งหลังมีความชัดเจนจากสำนักบ้านมั่นคง
· การทำงานในเชิงคุณภาพ จะต้องกำหนดให้เป็นจุดเน้นสำคัญในการทำงานในทิศทางข้างหน้า
· กลไกโครงสร้าง เสนอให้เปิดพื้นที่การทำงานทั้งเหนือบนและเหนือล่างที่ชัดเจน
๒. งานที่ดินทำกิน
· กระบวนการทำงานจะต้องเชื่อมกับภาคประชาสังคม ให้มีบทบาทในการทำงานในพื้นที่ โดย พอช.มีบทบาทในการกำกับทิศทางให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
๓. กระบวนการทำงาน
· ควรปรับให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ เน้นให้เจ้าหน้าที่ออกแบบการทำงานร่วมกับชาวบ้านในขบวนจังหวัด ให้บทบาทขบวนจังหวัดเป็นผู้ขับเคลื่อนงาน ซึ่งที่ประชุมเสนอให้มีการนำข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อเปิดเวทีพูดคุยกับขบวนจังหวัดในทุกประเด็นงาน
· บทบาทคนทำงานหนุนเสริม เสนอให้บริหารจัดการเบ็ดเสร็จที่ภาค , ทีมสถาปนิก ออกแบบการทำงานให้มีบทบาทในทำงานที่จังหวัดเป็นหลัก
· ในขบวนจังหวัด : เป็นกลไกที่มีพื้นที่กลาง ให้เป็นเวทีพูดคุยและออกแบบการทำงานร่วมกัน
· ในขบวนภาค : เป็นกลไกที่เป็นเวทีพูดคุยกระบวนการทำงานที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ระดับพื้นที่และจังหวัด
๔. บทบาทของทีมสนับสนุนขบวนองค์กรชุมชน
· ในจังหวะก้าวไตรมาสแรก เสนอให้มีเวทีพูดคุยร่วมกับทีมสนับสนุนขบวนฯทั้งหมด เพื่อ “ออกแบบการทำงานร่วม”ระหว่างสำนักขบวนฯกับสำนักงานภาค และขบวนจังหวัด